#ใครเอามีดกูไปเล่น

#ใครเอามีดกูไปเล่น

        ตอนเด็กๆจำได้ว่า ตาจะนั่งเหลาไม้ไผ่ที่ร่มต้นจันทร์ ตาขมักเขม้นทำงานทั้งวัน หน้าร้านของตาคือลานจันทร์หลังบ้าน
ตะกล้า กระบุง สุ่มไก่ ไซดักปลา จะถูกแบกออกมาจากลานร่มไม้ ด้วยฝีมือพ่อค้าประจำที่จะแวะเข้ามาดูสินค้า สินค้าของตา ถูกแบกขึ้นหลังพ่อค้า ส่งต่อขึ้นบิ๊กอับเก่า ที่เราก็ไม่รู้ปลายทางอยู่ที่ไหน
 
      ตาพักการงานด้วยการ วางยาเส้น บนใบตองแห้งที่ยายเตรียมไว้ให้ ควันขาวคลุ้งส่งผ่านริมฝีปาก ตัดกับแสงยามบ่าย ประกายดวงตาเปี่ยมสุข
ตาไม่เคยห้ามถ้าจะหยิบมีดมานั่งเหลาไม้ใกล้ๆแก ตาจะกระแอมดังในคอให้พอตกใจ ถ้าเรา แอบหยิบมีดประจำตัวแกมาเล่น มีดตาคมกว่าเล่มใดๆในบ้าน มันจึงเป็นที่หมายใจว่า ผมจะแอบเอามาใช้ ถ้าตาไม่อยู่ แต่ทุกครั้งที่แอบใช้ ตาก็จะรู้ และบ่นเบาๆว่า “ใครแอบเอามีดกูไปเล่น”
       ว่างจากงาน เหลาสาน ตาจึงถูกกวนบ่อยๆ จากหลานให้ทำนั่นทำนี่ให้ เช่น ปืนจากไม้ไผ่ รถจากท่อนไม้ ดาบไม้ หรือเรือจากต้นงิ้ว เพราะต้นงิ้ว หรือต้นนุ่น ไม้เบาลอยน้ำได้
ภาพจำจากชายวัยกลางคน ถึงตาที่จากลาไกลไปหลายปี มันคือของเล่นที่ตาทำให้ มันคือแววตาเปี่ยมสุข มันยังเป็นภาพประทับ ที่คงอยู่ถึงทุกวันนี้
ของเล่นไม้ หลายสิ่งอาจเล่นไม่นาน มันก็จะพังหากไม่ถนอมมือ บางคลาที่เล่นจนเบื่อหน่ายก็อาจวางไว้ที่ไหนสักแห่ง และหลายครั้งที่มันกลายร่างเป็นสิ่งใหม่ตามจินตนาการ ที่ลื่นไหลไปของวัยเด็ก
 
      ของเล่นจากไม้ มันอาจอยู่ไม่นาน มันคือสิ่งที่ทุกคนทำได้ แม้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าทุกคนจะไขว่คว้า เพื่อลดช่องว่าง นำธรรมชาติกลับเข้ามาทมทับช่องว่างให้ลูกหลานเรา อีกครั้งเถิดครับ